30/3/54

สุดยอด วิธีป้องกันหวัด2009 แนวทางมุสลิม

การละหมาด

ภาพการละหมาด
อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยทักษิณ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา

          ด้วยสถานการณ์ของโลกที่กำลังกังวลเรื่องสุขภาพอนามัย เนื่องจากเป็นช่วงที่โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กำลังระบาดไปทั่วทุกทวีป สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดจึงเน้นย้ำให้ความรู้เป็นพิเศษแก่ชาวไทย ทุกคน รวมทั้งพี่น้องชาวไทยมุสลิม โดยเฉพาะผู้ที่จะเดินทางไปทำฮัจญ์ ให้ดูแลระมัดระวังและป้องกันตนเอง เพื่อไม่ให้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยมีวิธีการหลากหลายวิธี
          การรณรงค์ให้แต่ละคนรู้จักวิธีการป้อง แต่ไม่ใช่การตื่นตระหนัก เป็นงานหนึ่งที่เราต้องช่วยกันรณรงค์เพื่อธำรงความดี ดังที่อัลลอฮ์ได้โองการไว้ความว่า "แท้จริงอัลลอฮ์ได้สั่งในการผดุงความยุติธรรมและทำความดี" (ซูเราะฮ์อันนะลฺ  :90)
          การล้างและทำความสะอาดมือคือขั้นตอนหนึ่งที่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโรคนี้ การล้างมือจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากมือของเรา ตัวอย่างเช่น ถ้าเราอ่านหนังสือพิมพ์...จะมีหมึกพิมพ์หลุดติดมือมาด้วยไม่มากก็น้อย หมึกพิมพ์มีโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปนเปื้อนอยู่ เชื้อหวัดก็เช่นกัน
          แต่สำหรับมุสลิมจะพบว่าผู้ศรัทธานั้นจะทำความสะอาดมือวันหนึ่งๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง เพราะการล้างมือเป็นองค์ประกอบหนึ่งของ "การอาบน้ำละหมาด" ก่อนมุสลิมจะปฏิบัติศาสนกิจ
          "การอาบน้ำละหมาด" คือการทำความสะอาดใบหน้า มือ พร้อมแขนทั้งสอง ศีรษะ และเท้าทั้งสอง โดยการใช้น้ำดังที่อัลลอฮ์โองการไว้ความว่า "โอ้บรรดาผู้ศรัทธาแล้วทั้งหลาย เมื่อท่านทั้งหลายจะไปทำการละหมาด พวกท่านจงล้างใบหน้าของพวกท่านและมือของพวกท่านจนถึงข้อศอกและท่านทั้งหลาย จงลูบศีรษะของพวกท่านและจงล้างเท้าทั้งสองจนถึงตาตุ่ม" (ซูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ : 6)
          ฉะนั้นการอาบน้ำละหมาดจึงเป็นสิ่งจำเป็นแก่ผู้ที่ต้องการจะละหมาด ท่านศาสดาได้กล่าวไว้ความว่า "อัลลอฮฺจะไม่ทรงรับการละหมาดของคนหนึ่งคนใดในพวกท่าน เมื่อเขามีความสกปรกจนกว่าเขาจะอาบน้ำละหมาดเสียก่อน" (บันทึกโดยท่านอัลบุคอรียฺและมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซียฺ อะฮฺหมัด) 
          การล้างมือเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับการอาบน้ำละหมาดที่สมบูรณ์ จะต้องล้างอวัยวะอื่นๆ อีก  ซึ่งจะเรียกว่าฟัรฎูตามหลักศาสนาอิสลาม
 สำหรับการอาบน้ำละหมาด มีองค์ประกอบที่สำคัญๆ ที่ไม่สามารถจะขาดได้ เรียกว่า "ฟัรฎู" ของการอาบน้ำละหมาด ดังนั้นเมื่อบกพร่องหรือขาดตกไปอย่างหนึ่งอย่างใด การอาบน้ำละหมาดถือว่าไม่สมบูรณ์ และขณะเดียวกันจะไม่ถูกนับว่าเป็นบทบัญญัติ
          ฟัรฎูของการอาบน้ำละหมาดมีดังนี้
          1. ล้างหน้าจากส่วนที่อยู่บนใบหน้า ซึ่งขอบเขตของใบหน้าเริ่มจากตีนผมบนหน้าผาก จนถึงใต้คางและอยู่ระหว่างติ่งหูทั้งสองข้าง ในขณะเดียวกันหลักศาสนาสนับสนุนการบ้วนปาก การสูดน้ำเข้าจมูกแล้วสั่งออก
          2. ล้างมือทั้งสองจนถึงข้อศอก
          3. เช็ดศีรษะ และสนับสนุนให้ล้างหูทั้ง 2 ข้าง ในขณะที่บ้างทัศนะของปราชญ์มุสลิมมีว่า การล้างหูเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากมีวัจนศาสดาบ่งชี้ว่าหูทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของศีรษะ (บันทึกโดยท่านอะฮฺหมัดและอบูดาวูด)
          4. ล้างเท้าทั้งสองจนถึงตาตุ่มทั้งสอง
          5. การเรียบเรียงตามลำดับ  เริ่มจากการล้างหน้า ล้างมือทั้งสองจนถึงข้อศอก การเช็ดศีรษะ การล้างเท้าทั้งสองถึงตาตุ่มทั้งสอง
          6. การทำอย่างต่อเนื่อง จะต้องไม่ล่าช้าหรือขาดตอน
          ในขณะที่การอาบน้ำละหมาดจะต้องใช้น้ำที่สะอาด ปราศจาก "นาญิส" (สิ่งสกปรกตามหลักศาสนบัญญัติ) ด้วย มิฉะนั้นการอาบน้ำละหมาดจะไม่ถูกต้อง พร้อมการตั้งเจตนาที่บริสุทธิ์ที่จะอาบน้ำละหมาด
          ในขณะเดียวกันมีสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เสียน้ำละหมาด เช่น
          1. ทุกๆ สิ่งที่ออกมาจากทวารเบาและทวารหนักไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะ อุจจาระ ผายลม 
          2. มะนียฺ (อสุจิ) คือน้ำสีขาวข้นจะออกมาเนื่องจากเกิดอารมณ์ และการมีเพศสัมพันธ์
          3. มะซียฺ คือน้ำขาวๆ ใสๆ  จะออกมา เนื่องจากเกิดอารมณ์ หรือการเล้าโลม
          4. วะดียฺ คือน้ำเมือกขาวๆ จะออกมาหลังจากปัสสาวะ 
          ท่านศาสดากล่าวไว้ความว่า "จงล้างอวัยวะเพศของท่านและจงอาบน้ำละหมาดเช่นเดียวกับท่านทำเพื่อละหมาด" (บันทึกโดยอัลบัยหะกีย์)
          ไม่เพียงเท่านั้น
          5.การขาดสติหรือสติถูกครอบงำด้วยความมึนเมา ลมบ้าหมู การนอนหลับสนิทโดยก้นไม่แนบกับพื้น และเป็นบ้า ยังทำให้เสียน้ำละหมาด

การละหมาด
          ท่านซ็อฟวาน บินอัชชาล รอฎิยัลลอฮุอันฮุ  กล่าวไว้ความว่า "ปรากฏว่าท่านศาสดาใช้เราขณะเมื่อเราเดินทาง โดยอย่าได้ถอดรองเท้าหุ้มส้นของพวกเราออกเป็นเวลาสามวันสามคืน เว้นแต่มีญะนาบะฮฺ  (มีเพศสัมพันธ์หรือมีน้ำอสุจิไหล) แต่เนื่องมาจากถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ และการนอนหลับ (ไม่ต้องถอด)"
          ดังนั้นหากเป็นการนอนเพียงเล็กน้อย หรือเป็นการหลับในสภาพท่านั่งที่ก้นของเขาแนบกับพื้นโดยกำลังรอละหมาด ถือว่าไม่เสียการอาบน้ำละหมาด
          6. การกระทบอวัยวะเพศโดยมีอารมณ์

          ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งในหลักการศาสนาอิสลามในการทำความสะอาด และเป็นการป้องกันโรคได้ดีอย่างหนึ่ง นอกจะได้บุญแล้ว อัลลอฮ์ยังให้เราพ้นภัยในโลกนี้ด้วย แต่หากเราระมัดระวังตัวอย่างถึงที่สุดแล้วเรายังเป็นโรคอีก  เราก็ต้องยอมรับในการกำหนดสภาวการณ์ต่างๆ ที่มาจากพระเจ้า ซึ่งในหลักศาสนาเรียกว่า "กอฎอ" และ "กอฎัร"
          กล่าวคือมุสลิมต้องศรัทธาว่า ในทุกๆ สภาวการณ์ของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในสกลจักรวาลนี้ ล้วนดำรงอยู่และดำเนินไปอย่างมีกฎเกณฑ์ และเป็นไปตามกฎเกณฑ์แห่งกฎกำหนดสภาวะที่พระเจ้าได้กำหนดไว้ทั้งสิ้น ซึ่งจะสอดคล้องกับหลักการว่าด้วยเหตุและผล
          แต่มุสลิมที่ดีต้องไม่โทษพระเจ้าเมื่อประสบชะตากรรมที่ไม่ดี เพราะอัลลอฮ์ได้โองการความว่า "และทุกขภัยอันใดที่ประสบแก่สูเจ้า ดังนั้นเนื่องมาจากที่สูเจ้าได้ขวนขวายไว้ด้วยน้ำมือของสูเจ้าเอง และพระองค์ได้อภัยเขา (ความผิด) มากต่อมาก"

ไม่มีอุปสรรคอันใดสำหรับการละหมาดของมุสลิมผู้ประเสริฐ
          "อันใดแห่งความดีงามที่ประสบแก่สูเจ้า (มนุษย์เอ๋ย) ดังนั้น (มันมา) จากอัลลอฮฺ แต่อันใดแห่งความเลวร้าย (ขี้โรค อ่อนแอ เจ็บป่วย ยากจน พิกลพิการ จบชีวิตไปก่อนเวลาอันควร) ที่ประสบแก่เจ้านั้น ดังนั้น (มนุษย์เอ๋ย มันมา) จากตัวเจ้าเอง (ด้วยการฝ่าฝืนในกฎเกณฑ์ และคำสั่งสอนพระองค์)"
          ฉะนั้นเมื่อเกิดความผิดพลาดล้มเหลวในกิจการงาน หรือเป็นโรคถึงขั้นเสียชีวิต ก็ควรได้มีการสรุปบทเรียนหรือพิเคราะห์ไตร่ตรองกันให้ดีเสียก่อนว่า มันเนื่องมาจากสาเหตุอะไร ไม่ใช่เอาแต่โทษพระเจ้า หรือโทษฟ้าโทษดวง ตลอดจนเวรกรรม ความผิดแต่ชาติปางก่อนให้สับสนวุ่นวาย...
          จนลืมหันมาดูตัวเอง!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น